AWS IoT Core ช่วยให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังบริการ AWS และอุปกรณ์อื่น ๆ ป้องกันข้อมูลในการโต้ตอบข้อมูล ตลอดจนประมวลผลแลดำเนินการตามข้อมูลของอุปกรณ์
คุณสมบัติที่สำคัญ
AWS IoT Device SDK
The AWS IoT Device SDK ช่วยให้คุณเชื่อมต่อได้เร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือแอปพลิเคชันมือถือของคุณไปยัง AWS IoT Core The AWS IoT Device SDK ช่วยให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ ยืนยันความถูกต้อง และแลกเปลี่ยนข้อความกับ AWS IoT Core ด้วยการใช้ MQTT, HTTP หรือโปรโตคอล WebSockets AWS IoT Device SDK รองรับภาษา C, JavaScript, Arduino และรวมถึงไลบรารีไคลเอ็นต์ คู่มือ Developer และคู่มือการย้ายสำหรับผู้ผลิต คุณยังสามารถใช้โอเพนซอร์สทางเลือกหรือเขียน SDK ของคุณเองได้อีกด้วย
เรียนรู้เพิ่มเติมได้ในเอกสารประกอบ AWS IoT Device SDK หรือเริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลด SDKs
Device Advisor
Device Advisor คือความสามารถในการทดสอบบนระบบคลาวด์ที่มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ IoT ในระหว่างการพัฒนา คุณสมบัตินี้มีการทดสอบก่อนสร้างที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ IoT ของตัวเองเพื่อการเชื่อมต่อกับ AWS IoT Core ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย เมื่อนักพัฒนาใช้งาน Device Advisor จะสามารถทดสอบได้ว่าอุปกรณ์ IoT ของตนสามารถทำงานร่วมกับ AWS IoT Core อย่างไว้วางใจและเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยหรือไม่ นักพัฒนาสามารถระบุและแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์อุปกรณ์ที่พบทั่วไปในระหว่างการพัฒนาก่อนที่จะนำอุปกรณ์เข้าสู่กระบวนการผลิตจริงได้ และ Device Advisor ยังจัดทำรายงานประเมินคุณภาพพร้อมการลงนามซึ่งคู่ค้าด้านฮาร์ดแวร์สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์ของตนเพื่อให้มีรายชื่ออยู่ใน แค็ตตาล็อกอุปกรณ์ของพาร์ทเนอร์ AWS ได้ ในการเรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นใช้งาน ให้ดูที่หน้าภาพรวม เอกสารประกอบทางเทคนิค และบล็อกของ Device Advisor
เกตเวย์อุปกรณ์
เกตเวย์อุปกรณ์ทำหน้าที่เป็นจุดเข้าสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อกับ AWS เกตเวย์อุปกรณ์จัดการการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดและการใช้อรรถศาสตร์สำหรับโปรโตคอลมากมายเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าอุปกรณ์สามารถสื่อสารกับ AWS IoT Core ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันเกตเวย์อุปกรณ์รองรับโปรโตคอล MQTT, WebSockets และ HTTPS สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อโดยใช้ MQTT หรือ WebSockets เกตเวย์อุปกรณ์จะยังคงดูแลอุปกรณ์ที่สามารถเปิดใช้งานการเชื่อมต่อแบบสองทางให้มีอายุการใช้งานได้นานเพื่อช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้ส่งและรับข้อความได้ในทุกเวลาที่มีเวลาแฝงต่ำ เกตเวย์อุปกรณ์มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบและปรับขนาดได้โดยอัตโนมัติเพื่อรองรับอุปกรณ์กว่าพันล้านเครื่องโดยที่คุณไม่ต้องจัดการโครงสร้างพื้นฐานใดๆ หากคุณโยกย้ายไปยัง AWS IoT เกตเวย์อุปกรณ์มีความสามารถในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานโดยมีผลกระทบต่อสถาปัตยกรรมและอุปกรณ์ IoT น้อย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งข้อมูลที่กำหนดค่าได้ โปรดอ่านเอกสารประกอบ ที่นี่
ในการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดอ่านส่วนโปรโตคอลในคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
Message Broker
Message Broker คืออัตราการโอนถ่ายข้อมูล Pub/Sub ความเร็วสูงที่ส่งข้อความเจ้าหน้าที่ไปยังอุปกรณ์ IoT ทั้งหมดของคุณและแอปพลิเคชันโดยมีเวลาแฝงต่ำตามมาตรฐานข้อความ MQTT เวอร์ชัน 5.0 ได้อย่างปลอดภัย ลักษณะที่ยืดหยุ่นของโครงสร้างหัวข้อ Message Broker ช่วยให้คุณส่งข้อความไปหรือรับข้อความจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ คุณสมบัตินี้รองรับรูปแบบการรับส่งข้อความที่มีตั้งแต่คำสั่งหนึ่งต่อหนึ่งและการรับส่งข้อความควบคุมไปจนถึงระบบการแจ้งเตือนออกอากาศหนึ่งต่อหนึ่งล้าน (หรือมากกว่า) นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าการควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียดซึ่งช่วยคุณจัดการสิทธิ์การเชื่อมต่อแต่ละรายการในระดับหัวข้อได้ นี่เป็นการยืนยันว่าอุปกรณ์และแอปพลิเคชันของคุณจะส่งและรับแค่ข้อมูลที่คุณต้องการเท่านั้น Message Broker คือบริการที่มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกใช้คุณสมบัตินี้อย่างไร ระบบก็จะปรับขนาดตามปริมาณข้อความของคุณอัตโนมัติโดยไม่ต้องเรียกใช้งานโครงสร้างพื้นฐานใดๆ
เรียนรู้เพิ่มเติมได้ในส่วน โปรโตคอลการสื่อสารของอุปกรณ์ ของคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
โปรโตคอล CoAP
Constrained Application Protocol (CoAP) เป็นโปรโตคอลในชั้นแอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ตแบบเฉพาะทางที่สร้างขึ้นมาสำหรับอุปกรณ์ที่มีข้อจำกัด เช่น เซ็นเซอร์ IoT ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ CoAP ให้บริการการส่งข้อความคำขอ/ตอบกลับในรูปแบบ HTTP ที่ผู้ใช้คุ้นเคยในโปรโตคอล User Datagram Protocol (UDP) ที่ใช้พื้นที่น้อย ทำให้เป็นตัวเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมสำหรับกรณีการใช้งาน IoT ซึ่งอุปกรณ์มีการสื่อสารกับระบบคลาวด์ไม่บ่อยนัก และส่วนใหญ่ใช้งานแบบออฟไลน์โดยใช้พลังงานต่ำ AWS IoT Core รองรับ CoAP/UDP สำหรับอุปกรณ์เซลลูลาร์ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี Narrowband IoT (NB-IoT) ผ่านแพลตฟอร์ม IoT ที่พัฒนาโดยพาร์ทเนอร์ซึ่งสร้างขึ้นบน AWS พาร์ทเนอร์ของเรา เช่น 1NCE, Aeris และ Telefornica ได้สร้างบริการบน AWS IoT Core ขึ้นมาเพื่อรองรับโปรโตคอล CoAP โดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ของตนกับระบบคลาวด์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องสร้างโบรกเกอร์ของตนเองหรือจัดการทรัพยากรระบบคลาวด์ที่เฉพาะเจาะจง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำโซลูชัน LPWAN IoT ไปใช้กับ CoAP
การยืนยันความถูกต้องและการมอบสิทธิ์
AWS IoT Core มีการยืนยันความถูกต้องที่สัมพันธ์กันและการเข้ารหัสที่จุดเชื่อมต่อทุกจุด เพื่อไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์และ AWS IoT Core โดยไม่มีการระบุตัวตนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว AWS IoT Core รองรับวิธีการยืนยันความถูกต้องของ AWS (เรียกว่า ‘SigV4’) X.509 Certificate ตามการยืนยันความถูกต้อง และการยืนยันความถูกต้องตามโทเค็นที่ลูกค้าสร้างขึ้น (ผ่านตัวให้สิทธิ์ที่กำหนดเอง) การเชื่อมต่อโดยใช้ HTTP สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ได้ทุกวิธี ในขณะที่การเชื่อมต่อโดยใช้ MQTT จะใช้การยืนยันความถูกต้องตามใบรับรอง และการเชื่อมต่อโดยใช้ WebSockets สามารถใช้ SigV4 หรือตัวให้สิทธิ์ที่กำหนดเองได้ AWS IoT Core ช่วยให้คุณสามารถใช้ใบรับรองที่ AWS IoT Core สร้างขึ้น และใบรับรองที่ลงนามโดยผู้ออกใบรับรอง (CA) ที่คุณต้องการได้ คุณสามารถจับคู่นโยบายที่คุณเลือกกับใบรับรองแต่ละใบ เพื่อให้คุณสามารถให้สิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชัน หรือยกเลิกการเข้าถึงโดยไม่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์
คุณสามารถสร้าง ปรับใช้ และจัดการใบรับรองรวมทั้งนโยบายสำหรับอุปกรณ์ได้จากคอนโซลหรือโดยใช้ API ใบรับรองอุปกรณ์เหล่านั้นสามารถจัดเตรียม เปิดใช้งาน และเชื่อมโยงกับนโยบาย IoT ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับการกำหนดโดยใช้ AWS IoT Core ซึ่งจะช่วยให้คุณยกเลิกการเข้าถึงของอุปกรณ์ได้ทันทีหากคุณต้องการ นอกจากนี้ AWS IoT Core ยังรองรับการเชื่อมต่อจากแอปมือถือของผู้ใช้ที่ใช้ Amazon Cognito ซึ่งจะดูแลขั้นตอนทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้างตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันสำหรับผู้ใช้แอปของคุณและเรียกดูข้อมูลประจำตัวของ AWS ชั่วคราวที่มีการจำกัดสิทธิ์ นอกจากนี้ AWS IoT Core ยังสามารถให้ข้อมูลประจำตัวของ AWS ชั่วคราวได้ หลังจากอุปกรณ์ได้รับการยืนยันความถูกต้องด้วยX.509 Certificate เพื่อให้อุปกรณ์นั้นสามารถเข้าถึงบริการของ AWS บริการอื่นๆ เช่น DynamoDB หรือ S3 ได้ง่ายยิ่งขึ้น
การจัดเตรียมกลุ่มอินสแตนซ์ให้กับ AWS IoT Core ทำให้การจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ผลิตไปยังระบบคลาวด์ในจำนวนใดก็ได้ในทุกระดับเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น โดยจะมอบประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานอุปกรณ์ที่มีการจัดการอย่างสมบูรณ์ ที่จะตั้งค่าอุปกรณ์ด้วยข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังดำเนินการกำหนดค่าฝั่งอุปกรณ์และฝั่งคลาวด์ที่จำเป็นสำหรับแต่ละอุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่อและใช้งาน AWS IoT โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมกับ AWS IoT Core เป็นครั้งแรก การจัดเตรียมกลุ่มอินสแตนซ์ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเตรียมกลุ่มอินสแตนซ์
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ส่วนความปลอดภัยและการยืนยันความถูกต้อง ในคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
รีจิสทรี
รีจิสทรีกำหนดข้อมูลประจำตัวสำหรับอุปกรณ์และติดตามข้อมูลเมตา เช่น คุณลักษณะและความสามารถของอุปกรณ์ รีจิสทรีกำหนดข้อมูลประจำตัวให้กับอุปกรณ์แต่ละเครื่องซึ่งมีการจัดรูปแบบให้สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประเภทใดหรือมีวิธีการเชื่อมต่ออย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ รีจิสทรียังรองรับข้อมูลเมตาที่อธิบายถึงความสามารถของอุปกรณ์ (เช่น เซ็นเซอร์รายงานอุณหภูมิหรือไม่ และข้อมูลนั้นเป็นฟาเรนไฮต์หรือเซลเซียส)
รีจิสทรีช่วยคุณเก็บข้อมูลเมตาของอุปกรณ์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ข้อมูลเมตาในรีจิสทรีไม่มีวันหมดอายุหากคุณเข้าถึงหรืออัปเดตรีจิสทรีของคุณอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก ๆ 7 ปี
เรียนรู้เพิ่มเติมใน ส่วนรีจิสทรี ของคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
Device Shadow
ด้วย AWS IoT Core คุณสามารถสร้างเวอร์ชันถาวร เวอร์ชันเสมือน หรือ Device Shadow ของแต่ละอุปกรณ์ได้ ซึ่งรวมถึงสถานะล่าสุดของอุปกรณ์เพื่อให้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์อื่น ๆ สามารถอ่านข้อความและโต้ตอบกับอุปกรณ์ได้ Device Shadow จะยังคงมีสถานะที่รายงานล่าสุดและสถานะในอนาคตที่ต้องการของอุปกรณ์แต่ละเครื่องแม้ว่าอุปกรณ์นั้นจะออฟไลน์อยู่ก็ตาม คุณสามารถเรียกดูสถานะที่รายงานล่าสุดของอุปกรณ์หรือตั้งค่าสถานะในอนาคตที่ต้องการผ่าน API หรือโดยใช้ Rules Engine
Device Shadow ช่วยให้สร้างแอปพลิเคชันที่โต้ตอบกับอุปกรณ์ของคุณได้ง่ายขึ้นด้วยการให้การดำเนินการ REST API ที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา แอปพลิเคชันยังสามารถกำหนดสถานะในอนาคตที่ต้องการของอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องพิจารณาสถานะปัจจุบันของอุปกรณ์ดังกล่าว AWS IoT Core จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสถานะที่ต้องการกับสถานะที่รายงานล่าสุด แล้วสั่งให้อุปกรณ์นั้นชดเชยความแตกต่างดังกล่าว
AWS IoT Device SDK ช่วยให้อุปกรณ์ซิงโครไนซ์สถานะกับ Device Shadow และตอบสนองต่อการกำหนดสถานะในอนาคตผ่านการใช้ Device Shadow ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วย Device Shadow คุณสามารถเก็บสถานะของอุปกรณ์ได้ฟรีนานหนึ่งปี หากคุณอัปเดต Device Shadow อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี อุปกรณ์จะคงอยู่ตลอดไป มิเช่นนั้นอุปกรณ์จะหมดอายุ
เรียนรู้เพิ่มเติมในส่วนของ Device Shadow ของคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
Rules Engine
Rules Engine ช่วยคุณสร้างแอปพลิเคชัน IoT ที่รวบรวม ประมวลผล วิเคราะห์ และดำเนินการกับข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในระดับโลกโดยไม่ต้องจัดการโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ Rules Engine ประเมินข้อความขาเข้าที่เผยแพร่บน AWS IoT Core เพื่อแปลงและส่งข้อความเหล่านั้นไปยังอุปกรณ์อีกเครื่องหรือบริการระบบคลาวด์ โดยขึ้นอยู่กับกฎธุรกิจที่คุณกำหนด กฎสามารถใช้ได้กับข้อมูลจากอุปกรณ์อย่างน้อยหนึ่งเครื่องและกฎก็สามารถใช้ดำเนินการได้อย่างน้อยหนึ่งรายการควบคู่กันไป
นอกจากนี้ Rules Engine ยังสามารถกำหนดเส้นทางรับส่งข้อความไปยังตำแหน่งข้อมูล AWS รวมถึง AWS IoT Analytics, AWS IoT Events, AWS Lambda, Amazon Kinesis, Amazon S3, Amazon DynamoDB, Amazon CloudWatch, Amazon Simple Notification Service (SNS), Amazon Simple Queue Service (SQS), Amazon Elasticsearch Service, AWS Step Functions และ Amazon Location Service ตำแหน่งข้อมูลภายนอกสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ AWS Lambda, Amazon Kinesis, Amazon SNS และการดำเนินการ HTTP แบบเนทีฟของ Rules Engine
คุณสามารถเขียนกฎภายในคอนโซลการจัดการของ AWS หรือเขียนกฎด้วยการใช้ไวยกรณ์เหมือน SQL ได้ โดยสามารถเขียนกฎให้ดำเนินการแตกต่างกันได้โดยขึ้นอยู่กับเนื้อหาของข้อความนั้น ยกตัวอย่างเช่น หากการอ่านค่าอุณภูมิเกินเกณฑ์ที่กำหนด อาจเริ่มกฎเพื่อส่งข้อมูลไปยัง AWS Lambda นอกจากนี้ยังสามารถเขียนกฎที่คำนึงถึงข้อมูลอื่นในระบบคลาวด์ เช่น ข้อมูลจากอุปกรณ์อื่น ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเริ่มดำเนินการหากอุณภูมิสูงของอุปกรณ์อื่นอีก 5 เครื่องสูงเกินกว่าค่าเฉลี่ย 15%
Rules Engine มีฟังก์ชันที่พร้อมใช้งานมากมาย ซึ่งสามารถใช้ในการแปลงข้อมูลและสามารถสร้างข้อมูลเพิ่มได้อย่างไม่จำกัดด้วยการใช้ AWS Lambda ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังจัดการค่าที่หลากหลาย คุณสามารถใช้ค่าเฉลี่ยของตัวเลขที่เข้ามาได้ กฎยังสามารถเริ่มต้นรันไทม์โค้ด Java, Node.js หรือ Python บน AWS Lambda ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นและพลังสูงสุดในการประมวลผลข้อมูลของอุปกรณ์
ในการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดอ่านส่วน Rules Engine ของคู่มือผู้ใช้ AWS IoT Core
AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN
AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้เทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารส่งข้อมูลกำลังต่ำและกินพื้นที่ครอบคลุมเป็นวงกว้าง (LoRaWAN) ด้วยการใช้ AWS IoT Core คุณสามารถตั้งค่าเครือข่าย LoRaWAN ส่วนตัวโดยการเชื่อมอุปกรณ์ LoRaWAN และเกตเวย์ของคุณกับ AWS โดยไม่ต้องพัฒนาหรือใช้งาน LoRaWAN Network Server (LNS) สิ่งนี้ช่วยลดงานด้านการพัฒนาที่ไม่แตกต่างและภาระในการดำเนินงานในการจัดการ LNS และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เร่งเวลาในการตั้งค่าเครือข่าย
AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN รวมถึงการรองรับโอเพนซอร์ส โปรโตคอลการสื่อสาร เกตเวย์ LoRaWAN–LNS ที่ถูกเรียกว่า Basic Station ซึ่งหมายถึงการไม่จำเป็นที่ต้องเขียนหรือทดสอบซอฟต์แวร์เกตเวย์แบบกำหนดเองเพื่อเชื่อมต่อเกตเวย์ LoRaWAN ไปยัง AWS IoT Core เมื่อเชื่อมต่อเกตเวย์และอุปกรณ์ LoRaWAN แล้ว Data Stream ของอุปกรณ์จะถูกส่งไปยังกฎ AWS IoT Core Rules Engine โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชัน IoT
ผู้พัฒนาสามารถเขียนกฎ (เช่น การสืบค้น SQL ง่าย ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงและดำเนินการกับข้อมูลอุปกรณ์) เพิ่มการแจ้งเตือน หรือกำหนดเส้นทางไปยังบริการ AWS อื่น ๆ เช่น Amazon S3 ด้วยการใช้ AWS IoT Core Rules Engine วิศวกรสามารถสืบค้นตัวชี้วัดสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อและเกตเวย์เพื่อแก้ไขปัญหาในการเชื่อมต่อได้จากคอนโซล ด้วยค่าบริการตามการใช้งานจริงและไม่มีภาระค่าใช้จ่ายผูกพันรายเดือน คุณจึงสามารถเชื่อมต่อและเพิ่มความน่าเชื่อถือของกลุ่มอินสแตนซ์อุปกรณ์ของ LoRaWAN และสร้างแอปพลิเคชันด้วยบริการของ AWS ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พาร์ทเนอร์ AWS IoT ทำให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยการจัดเตรียม AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN เกตเวย์ที่ได้ผ่านการรับรองซึ่งเชื่อมต่อกับ AWS IoT Core ตั้งแต่เริ่มต้นโดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขซอฟต์แวร์แบบฝังใด ๆ ค้นหา แค็ตตาล็อกอุปกรณ์ของพาร์ทเนอร์ AWS เพื่อดูเกตเวย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการใช้งานร่วมกับ AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN
ในการเรียนรู้เพิ่มเติมและเข้าถึงการทรัพยากรในการเริ่มต้นใช้งาน โปรดไปที่ คู่มือ AWS IoT Core สำหรับ LoRaWAN
LoRaWAN คือเครื่องหมายที่ใช้ภายใต้ใบอนุญาตจาก LoRa Alliance
ตำแหน่งอุปกรณ์
ตำแหน่งอุปกรณ์ AWS IoT Core ช่วยให้คุณติดตามและจัดการกลุ่มอินสแตนซ์ IoT ของคุณด้วยการใช้ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง เช่นละติจูดและลองจิจูด โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ Global Positioning Service (GPS) แบบดั้งเดิม เมื่อคุณใช้คุณสมบัติตำแหน่งอุปกรณ์ คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฮาร์ดแวร์ GPS ที่ใช้พลังงานสูง และสามารถเลือกเทคโนโลยีตำแหน่งที่เหมาะสมที่ทำงานได้ภายใต้ข้อจำกัดทางวิศวกรรมของคุณ ด้วยตำแหน่งอุปกรณ์ คุณสามารถปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ลดความซับซ้อนและทำให้ความพยายามในการบำรุงรักษาเป็นไปแบบอัตโนมัติ และปลดล็อกเคสใช้งานใหม่ ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น ทีมบริการภาคสนามของคุณสามารถรับทราบข้อมูลและตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ต้องทำการบำรุงรักษาได้อย่างรวดเร็ว คุณยังสามารถสนับสนุนการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัย เช่นการจำกัดการเข้าถึงยังภูมิภาคเฉพาะ และปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของโซลูชัน IoT ของคุณ
AWS IoT Core สำหรับ Amazon Sidewalk
Amazon Sidewalk เป็นเครือข่ายที่ใช้ร่วมกันที่ช่วยให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทำงานได้ดีขึ้นผ่านตัวเลือกการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ดำเนินการโดย Amazon โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายกับลูกค้า Sidewalk สามารถช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าอุปกรณ์ใหม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถขยายช่วงการทำงานที่มีแบนด์วิธต่ำของอุปกรณ์ และช่วยให้อุปกรณ์ออนไลน์อยู่เสมอแม้ว่าจะอยู่นอกสัญญาณ Wi-Fi ที่บ้านก็ตาม
AWS IoT Core สำหรับ Amazon Sidewalk ช่วยให้คุณเตรียมอุปกรณ์กลุ่มอินสแตนซ์ที่เปิดใช้งาน Sidewalk ไปยัง AWS IoT Core ได้ง่ายขึ้นและสร้างโซลูชัน IoT ที่ปรับขนาดได้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับราคา AWS IoT Core