ข้อมูลเชิงพื้นที่คืออะไร
ข้อมูลเชิงพื้นที่หรือข้อมูลภูมิศาสตร์คือข้อมูลที่เกี่ยวช้องกับตำแหน่งบนพื้นผิวโลก คุณสามารถจับคู่วัตถุ เหตุการณ์ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ใช้พิกัดละติจูดและลองจิจูดในการระบุตำแหน่ง ข้อมูลเชิงพื้นที่จะรวมข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเข้ากับคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของชุดข้อมูลธุรกิจอื่นๆ ในช่วงเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเชิงพื้นที่สามารถแสดงตำแหน่งของรถที่จอดอยู่ และยังติดตามตำแหน่งเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ได้ด้วย
การแสดงข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยภาพคืออะไร
การแสดงข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยภาพคือการสร้างภาพ (เช่น แผนที่หรือโมเดล 3 มิติ) โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ นักวิทยาศาสตร์มักรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างภาพที่สมบูรณ์ของแต่ละพื้นที่ เช่น เมื่อรวมข้อมูลคุณภาพดิน คุณภาพน้ำ และอุณหภูมิเข้าด้วยกันก็จะช่วยให้ระบุพื้นที่เพาะปลูกที่มีแนวโน้มจะสร้างผลผลิตสูงสุดได้
การแสดงข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยภาพช่วยพัฒนาความเข้าใจระดับสูงเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะ รูปแบบ และแนวโน้มของพื้นผิวโลก การแสดงข้อมูลประเภทนี้สร้างข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเผยให้เห็นผลกระทบที่สิ่งแวดล้อมมีต่อผู้คนและสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ การแสดงข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยภาพมักเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีเชิงพื้นที่เพื่อสร้างแผนที่และกราฟิก 3 มิติแบบอินเทอร์แอคทีฟ
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพื้นที่คืออะไร
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพื้นที่คือคำที่ใช้อธิบายการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ โดยรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์เข้ากับข้อมูลเชิงลึกประเภทอื่นๆ รวมถึงรูปภาพ ข้อมูลจากสัญญาณ และสติปัญญาของมนุษย์ เพื่อแสดงตำแหน่งและสภาพแวดล้อมทางกายภาพอย่างแม่นยำ คุณสามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อระบุรูปแบบ ประเมินแนวโน้มใหม่ๆ ระบุภัยคุกคามและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และทำการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ การวิเคราะห์พื้นที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนทางการทหาร การจัดการเหตุฉุกเฉิน และการจัดการสิ่งแวดล้อม
การใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเชิงพื้นที่จะได้ประโยชน์หลายอย่างดังที่เราเราอธิบายไว้ด้านล่าง
ความแม่นยำที่ดีขึ้น
ระบบข้อมูลเชิงพื้นที่เก็บวรวบรวมข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน เช่น ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) เลเซอร์ และการสำรวจระยะไกล ข้อมูลนี้ถือเป็นรากฐานของแผนที่ดิจิทัลและโมเดล 3 มิติของตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่มาพร้อมความแม่นยำที่ดีขึ้นจากข้อมูลเชิงพื้นที่คือประโยชน์สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การนำทาง การจัดการทรัพย์สิน และการประเมินความเสี่ยง
ลดค่าใช้จ่าย
เทคโนโลยีเชิงพื้นที่ช่วยคุณลดค่าใช้จ่ายได้หลายวิธี เช่น เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้คุณเก็บรวบรวมข้อมูลได้แบบอัตโนมัติ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการสร้างแผนที่และสำรวจโครงการ นอกจากนี้ เทคโนโลยียังช่วยปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เช่น การจัดการทรัพย์สินและการจัดสรรทรัพยากร ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในที่สุด
ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
คุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลจะช่วยให้เข้าใจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างครอบคลุม เช่น คุณสามารถสร้างแผนที่ 3 มิติของพื้นที่ซึ่งไฮไลต์ความเสี่ยงและอันตราย โดยแผนที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงและส่งการแจ้งเตือนหากเกิดปัญหาใหม่อันเนื่องมาจากสภาพอากาศ การจราจรติดขัด หรือภัยธรรมชาติ
การจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
คุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อระบุและวิเคราะห์ทรัพยากรที่มี จัดลำดับความสำคัญของทรัพยากร และติดตามการใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสรรและการใช้ทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ ป่าไม้ และสัตว์ป่า
ตัวอย่างการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่มีอะไรบ้าง
ธุรกิจหลายแห่งใช้ซอฟต์แวร์เชิงพื้นที่เพื่อมอบบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า
Arup ทุ่มเทให้กับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
Arup คือธุรกิจที่มุ่งมั่นกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยรวมเอาข้อมูลเชิงพื้นที่เข้ากับความสามารถของแมชชีนเลิร์นนิงใน Amazon SageMaker เพื่อวัดดัชนีความร้อนในเขตเมือง ทีมวิศวกรของ Arup เดินหน้าทำงานวิเคราะห์ข้อมูลที่เคยเป็นไปไม่ได้เพื่อแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการวางแผนเมืองที่ยั่งยืน
อ่านเกี่ยวกับวิธีที่ Arup ใช้ SageMaker »
Xarvio สร้างโซลูชันดิจิทัลสำหรับการทำฟาร์ม
Xarvio สร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสำหรับการทำฟาร์มเพื่อช่วยให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิต โดยรวมข้อมูลเชิงพื้นที่เข้ากับรูปแบบของพืชและโรค โซลูชันนี้ช่วยมอบคำแนะนำทางการเกษตรที่แม่นยำและทันท่วงที รวมถึงช่วยจัดการความต้องการของแต่ละพื้นที่ได้อีกด้วย การใช้ความสามารถเชิงพื้นที่ของ SageMaker ทำให้ Xarvio สามารถประมวลผลภาพถ่ายดาวเทียมจำนวนมากในแต่ละวันได้
อ่านเกี่ยวกับวิธีที่ Xarvio ใช้ SageMaker »
EarthOptics วัดและแมปข้อมูลดิน
EarthOptics เป็นบริษัทที่วัดและแมปข้อมูลดิน โดยใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทร่วมกับข้อมูลวิเคราะห์เชิงพื้นที่เพื่อวัดคุณภาพและโครงสร้างของดินอย่างแม่นยำ ความสามารถของแมชชีนเลิร์นนิงเชิงพื้นที่ใน SageMaker ช่วยให้ EarthOptics สร้างอัลกอริทึมต้นแบบได้อย่างรวดเร็วเพื่อคำนวณการกักเก็บคาร์บอนในดิน โดยอัลกอริทึมเหล่านี้ถูกนำไปใช้งานในฟาร์มและไร่ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา
อ่านเกี่ยวกับวิธีที่ EarthOptics ใช้ SageMaker »
Geo.me เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนการเขียนโค้ดทางภูมิศาสตร์
Geo.me เป็นผู้ให้บริการ SaaS ระดับองค์กรที่ให้บริการแผนที่ดิจิทัลและบริการเว็บเชิงภูมิศาสตร์ Geo.me ช่วยลดต้นทุนการเขียนโค้ดทางภูมิศาสตร์ประจำปีสำหรับลูกค้าได้ถึง 90% โดยใช้ Amazon Location Service
อ่านว่า Geo.me ใช้บริการตำแหน่ง Amazon Location Service อย่างไร »
ข้อมูลเชิงพื้นที่มีกี่ประเภท
ข้อมูลเชิงพื้นที่ระดับพื้นฐานมีอยู่สองประเภท ได้แก่ ข้อมูลเวกเตอร์และข้อมูลแรสเตอร์
ข้อมูลเวกเตอร์
ข้อมูลเวกเตอร์คือข้อมูลเชิงพื้นที่ซึ่งใช้องค์ประกอบดิจิทัล เช่น จุด เส้น และรูปหลายเหลี่ยมเพื่อแสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ ข้อมูลเวกเตอร์มักใช้แสดงคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น ถนน แม่น้ำ หรืออาณาเขตเมือง งานเกี่ยวกับข้อมูลเชิงพื้นมีการใช้ข้อมูลเวกเตอร์อย่างแพร่หลาย เช่น สำหรับการทำแผนที่ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง และการนำทาง
ข้อมูลแรสเตอร์
แรสเตอร์คือรูปแบบข้อมูลเชิงพื้นที่ซึ่งระบุพื้นที่ในรูปแบบตารางที่มีเซลล์ขนาดเท่าๆ กัน โดยแต่ละเซลล์จะแสดงข้อมูลของตำแหน่งนั้นๆ เช่น อุณหภูมิหรือคุณภาพดิน ข้อมูลแรสเตอร์ซ้อนอยู่บนรูปภาพของแผนที่ ตัวอย่างเช่น รูปภาพของแผนที่มากจากภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายดิจิทัลทางอากาศ และแผนที่ที่สแกน คุณสามารถใช้ข้อมูลแรสเตอร์เพื่อสร้างโมเดลดิจิทัลที่แสดงระดับความสูงตามภาพด้านล่าง
การเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ใช้เทคโนโลยีใดบ้าง
การสร้างและจัดเก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์ต้องอาศัยเทคโนโลยีหลายอย่าง เราสรุปตัวอย่างวิธีการยอดนิยมไว้ด้านล่างแล้ว
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) คือระบบซอฟต์แวร์ที่สร้าง จัดการ วิเคราะห์ และจับคู่ข้อมูลทุกประเภท โดยจะรวมข้อมูลของตำแหน่งเข้ากับข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในดำแหน่งดังกล่าว GIS ใช้วิทยาการทางภูมิศาสตร์ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและการทำงานร่วมกัน เช่น คุณสามารถใช้เทคโนโลยี GIS เพื่อเก็บรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประชากร รายได้ และข้อมูลประชากรอื่นๆ ของพื้นที่แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ GIS ยังสามารถวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเมื่อเวลาผ่านไปได้ด้วย เช่น ความหนาแน่นของประชากรหรือความเปลี่ยนแปลงของการใช้ที่ดิน
ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก
ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) จะเก็บรวบรวมข้อมูลของตำแหน่งที่แน่นอนซึ่งจำเป็นต่อระบบเชิงพื้นที่ GPS จะรับสัญญาณวิทยุจากเครือข่ายดาวเทียมเพื่อคำนวณตำแหน่งที่แม่นยำบนพื้นผิวโลก คุณสามารถใช้ข้อมูล GPS เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการระบุตำแหน่งสำหรับการใช้งานเกี่ยวกับพื้นที่และติดตามการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์
เทคโนโลยีโดรน
โดรนเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ได้หลายวิธี เช่น การบันทึกภาพถ่ายทางอากาศ วิดีโอ หรือภาพประเภทอื่นๆ คุณสามารถสร้างโมเดล 3 มิติของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และรับข้อมูลเฉพาะของตำแหน่งนั้นๆ เช่น การใช้ที่ดินและสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้โดรนเพื่อวัดระยะทาง ระดับความสูง รวมถึงระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย
AWS รองรับความต้องการด้านข้อมูลเชิงพื้นที่ของคุณได้อย่างไร
แมชชีนเลิร์นนิง (ML) เชิงพื้นที่ด้วย Amazon SageMaker ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและวิศวกรสร้าง ฝึกฝน และนำโมเดล ML ไปใช้จริงโดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแหล่งที่มาของข้อมูลเชิงพื้นที่ การดำเนินการประมวลผลที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ โมเดล ML ที่ผ่านการฝึกมาล่วงหน้า และเครื่องมือแสดงข้อมูลด้วยภาพในตัวเพื่อให้ทำงานเชิงพื้นที่ได้ในวงกว้างและรวดเร็วขึ้น
คุณจะได้ประโยชน์หลายอย่างจาก SageMaker ดังนี้
- การเข้าถึงแหล่งที่มาต่างๆ ของข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ง่ายดาย
- การเข้าถึงการดำเนินงานที่สร้างไว้ล่วงหน้าและโค้ดที่ใช้บ่อยเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ในปัจจุบัน
- กระบวนการก่อนการประมวลผลที่รวดเร็วของเวิร์กโหลดเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่
- โมเดลที่สร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อเริ่มสร้างการคาดการณ์เชิงพื้นที่
- การผสานรวมข้อมูลเชิงลึกจากการพยากรณ์เชิงพื้นที่ของแหล่งข้อมูลต่างๆ คุณสามารถใช้เครื่องมือแสดงข้อมูลด้วยภาพที่มีในตัว
Amazon Location Service ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเพิ่มข้อมูลเชิงพื้นที่และฟังก์ชันตำแหน่งให้กับแอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถแสดงภาพข้อมูลบนแผนที่ แนะนำเส้นทาง ใช้การเข้ารหัสทางภูมิศาสตร์เพื่อแปลงที่อยู่ข้อความธรรมดาเป็นพิกัดทางภูมิศาสตร์ ใช้การเข้ารหัสทางภูมิศาสตร์ย้อนกลับเพื่อแปลงพิกัดละติจูดและลองจิจูดเป็นที่อยู่ และตรวจสอบและติดตามเนื้อหา
- สามารถรวมข้อมูลเชิงพื้นที่เข้ากับแอปพลิเคชันของคุณได้อย่างง่ายดาย สำหรับการใช้งานหรือภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ปรับใช้และเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วด้วยการผสานรวมกับบริการ AWS อย่างราบรื่น
- ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของแอปพลิเคชันของคุณ
- เข้าถึงข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ที่มีคุณภาพสูงและคุ้มค่าจากผู้ให้บริการข้อมูลที่เชื่อถือได้
เริ่มต้นใช้งานข้อมูลเชิงพื้นที่บน AWS ด้วยการสร้างบัญชี AWS ฟรีวันนี้เลย